- หุ้นที่เหลือ จะเป็นหุ้นที่ "พนักงานบริษัท" ได้ร่วมกันถือ ในฐานะ "หุ้นเสมือน" ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับการเป็นเจ้าของบริษัท
- หลายคนอาจจะงงว่าต่างจากหุ้นปกติอย่างไร?? พนักงานของบริษัทจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในการบริหารเหมือนผู้ถือหุ้นปกติ และหากลาออกจากบริษัท หุ้นเหล่านั้นก็จะกลับมาเป็นของบริษัท
- ข้อดีคือ พนักงานจะได้รับปันผลตอบแทน หากบริษัทสามารถทำผลประกอบการได้ดี และนั่นทำให้พวกเขามีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น
- ทายาทของ Ren Zhengfei ทำงานเป็นพนักงานของบริษัท Huawei ด้วย
- แต่ต่างออกไปจากธุรกิจจีนอื่นๆ Ren ระบุว่าเร็วๆ นี้เขาอาจจะลงจากตำแหน่งผู้บริหารอย่างถาวร แต่เขาจะไม่ให้ทายาทของเขาสืบทอดกิจการ เพียงเพราะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมกับการบริหารเท่านั้น
- เป้าหมายหลักของบริษัทในปี 2020 คือการยึดตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 อย่างถาวรให้ได้ (ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ตัวว่ายึดตำแหน่งแชมป์จาก Samsung นั้นทำได้ยาก)
- ปัจจุบันตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก มีเจ้าใหญ่ๆ 5 เจ้าคือ Samsung, Apple, Huawei, Xiaomi และ OPPO ครองตลาดอยู่ราว 66.8% ยังเหลืออีกราว 33.2% ที่เป็นของเจ้าเล็กเจ้าน้อย และส่วนแบ่งตรงนี้พวกเขามองว่ายังสามารถเข้าไปยึดครองได้
- นั่นทำให้ Huawei ยังทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยตั้งศูนย์วิจัยขนาดใหญ่และเล็กทั่วโลก รวมเกือบ 50 ศูนย์ เพื่อป้องกันการถูกทิ้งห่างทางเทคโนโลยี และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้ได้ก่อนแบรนด์อื่น
- อนาคตของค่ายมือถือจากจีน จึงถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก หลังจากยุคหนึ่งเราเคยมี Nokia, LG, Sony ครองตลาด แต่ชื่อของพวกเขากำลังค่อยๆ เลือนหายไปจากคำว่า "ยักษ์ใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟน"
แม้ Huawei จะครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น แต่หากจะเทียบในแง่ของกำไรบริษัท โดยเฉพาะกับค่าย Apple ยังถือว่าต่างกันมากนัก
เมื่อพิจารณาจากกำไรในปีล่าสุด 2017 ทางค่ายผลไม้ทำไป 1.5 ล้านล้านบาท ในขณะที่ค่ายมือถือจีนทำไปได้ราวๆ 220,000 ล้านบาท (ต่างกันราวๆ 7 เท่า)[/color]
แต่เรื่องของอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ และคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจติดตามมากเลยทีเดียว....